วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เกาะลันตาน่าอยู่(3)

          เจ๊ะอาแวบอกว่า  เมื่อก่อนถนนขึ้นมาบนเขานี้ไม่มีหรอก มีเพียงเส้นทางที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างขึ้นมาเองเป็นทางแคบๆ พอที่จะนำยางลงไปส่งขายให้กับผู้รับซื้อที่มารอรับซื้อที่ท่าเรือด้านล่าง ต้องลงไปแต่เช้า ต้องขายให้เสร็จภายในวันเดียวถ้าไม่เสร็จก็ต้องหานอนตามบ้านญาติหรือคนรู้จักด้านล่างเพราะมืดแล้วจะมองไม่เห็นทาง
                ครอบครัวเจ๊ะอาแวเป็นอีกตัวอย่างครอบครัวหนึ่งที่ทันเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนเกาะและเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงนั้นสิ่งหนี่งที่แกบอกผมว่า แกดีใจที่เกาะแห่งนี้มีผู้คนมาเที่ยว และผ่านหน้าบ้านแกทุกวันทำให้แกไม่เหงา แต่สิ่งหนึ่งที่กำลังหายไปจากหมู่บ้านก็คือกลุ่มมุสลิมหนุ่มสาวที่นิยมลงไปทำงานตามโรงแรม รีสอร์ทด้านล่างมากกว่าจะอยู่ดูแลธุรกิจการทำสวนยางของพ่อแม่

           ชุมชนเมืองเก่าลันตาประกอบไปด้วยอาคารห้องแถวไม้ บางส่วนถูกบูรณะใหม่ สถาปัตยกรรมยังคงเป็นเรือนไม้สองชั้นแบบจีนโบราณตกแต่งด้วยโคมไฟ ชาวบ้านที่นี่มีทั้งคนไทย คนจีนชาวพุทธและคนมุสลิม แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันก็คือ ความรักใคร่กลมเกลียวกันและอยู่กันอย่างสงบสุข
          เกาะลันตาในวันนี้กำลังเปลี่ยนไป สาธารนูปโภคได้รับการพัฒนาปรับปรุงเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่ เกาะสวรรค์แห่งอันดามันแห่งนี้  รีสอร์ทใหม่กำลังก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ความเจริญส่วนใหญ่ต่างกระจุกตัวกันอยู่ด้านตะวันตกของเกาะ ที่ติดกับชายฝั่งทะเลอันดามัน
          ตลอดเวลาเกือบสองเดือนที่อยู่บนเกาะเล็กๆแห่งนี้ผมไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตชาวเกาะจะทำให้ผมลืมโลกภายนอก ลืมความสับสนวุ่นวายต่างๆ ของสังคมเมืองและสถานการณ์ทางการเมืองได้อย่างสิ้นเชิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น